วิธีการที่เราจะรู้ว่าตัวเราเป็นโรคภูมิแพ้ ทำได้อย่างไร

การรู้ว่าคุณเป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่สามารถทำได้โดยการสังเกตอาการของตนเอง การเข้ารับการตรวจและทดสอบจากแพทย์ และการประเมินสภาพแวดล้อมและอาหารที่คุณสัมผัส การทดสอบสามารถทำได้หลายวิธี รวมถึงการทดสอบบนผิวหนัง (Skin Prick Test) และการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับแอนติบอดีอิมมูโนโกลบูลิน อี (IgE) ซึ่งเป็นแอนติบอดีที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้

 วิธีการตรวจสอบว่าเป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่

  1. สังเกตอาการ: อาการที่บ่งบอกว่าคุณอาจเป็นโรคภูมิแพ้รวมถึงจามบ่อยๆ คัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา คันจมูก ผื่นแดง หายใจลำบาก หรือเสียงหอบ อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเมื่อคุณสัมผัสกับสิ่งที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น เกสรดอกไม้ หรืออาหารบางชนิด
  2. การทดสอบภูมิแพ้: การทดสอบนี้มักทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้ สามารถทำได้โดยวิธีต่างๆ เช่น

   – Skin Prick Test: ใช้สารก่อภูมิแพ้หยดลงบนผิวหนังและใช้เข็มเจาะผิวเบาๆ หากเกิดการแพ้จะมีผื่นหรือตุ่มขึ้นภายในไม่กี่นาที

   – การตรวจเลือด ใช้เพื่อตรวจหาปริมาณแอนติบอดี IgE ที่มีต่อสารก่อภูมิแพ้เฉพาะเจาะจง

  1. การปรึกษาแพทย์: ถ้าคุณสงสัยว่าคุณมีภูมิแพ้ การปรึกษาแพทย์เป็นวิธีที่ดีที่สุด แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยละเอียด รวมถึงอาจแนะนำการทดสอบที่เหมาะสมเพื่อตรวจหาว่าคุณมีการแพ้ต่อสารอะไร

โรคภูมิแพ้สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท โดยแต่ละประเภทจะมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันไป:

  1. โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ

   – สารก่อภูมิแพ้: ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ ขนสัตว์

   – อาการ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล หายใจลำบาก

   – การรักษา: ใช้ยาแก้แพ้ (Antihistamines) หรือยาพ่นจมูก (Nasal sprays) นอกจากนี้ยังอาจใช้ยาสเตียรอยด์ หรือการฉีดภูมิแพ้ (Allergy shots) เพื่อช่วยลดความไวของร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้

  1. โรคภูมิแพ้ผิวหนัง

   – สารก่อภูมิแพ้: สารเคมีในเครื่องสำอาง สารทำความสะอาด โลหะ

   – อาการ: ผื่นแดง คัน ผิวแห้งและลอก

 – การรักษา: ใช้ครีมสเตียรอยด์ (Corticosteroid creams) เพื่อบรรเทาอาการคันและลดการอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ และใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยนต่อผิวหนัง

  1. โรคภูมิแพ้ทางอาหาร

   – สารก่อภูมิแพ้: อาหาร เช่น นม ถั่ว ไข่ อาหารทะเล

   – อาการ: ปวดท้อง คลื่นไส้ ผื่นขึ้น หายใจไม่ออก หรืออาจถึงขั้นช็อก (Anaphylaxis)

   – การรักษา: หลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ การใช้ยาแก้แพ้ในกรณีที่มีอาการไม่รุนแรง แต่ถ้าเกิดอาการช็อกควรใช้ยาเอพิเนฟรีน (Epinephrine) ทันที

  1. โรคภูมิแพ้จากแมลงกัดต่อย

   – สารก่อภูมิแพ้: พิษจากแมลง เช่น ผึ้ง ต่อ มด

   – อาการ: บวมแดง คัน หรืออาจมีอาการรุนแรงเช่นหายใจลำบาก

   – การรักษา: ใช้ยาแก้แพ้หรือสเตียรอยด์ในการลดอาการ ในกรณีที่รุนแรงอาจต้องใช้เอพิเนฟรีนและรีบไปพบแพทย์

โรคภูมิแพ้เป็นภาวะที่เกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย การรู้ว่าตัวเองเป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่ต้องอาศัยการสังเกตอาการ การทดสอบ และการปรึกษาแพทย์ การรักษาจะขึ้นอยู่กับประเภทของโรคภูมิแพ้และความรุนแรงของอาการ อาจใช้ยาหรือการฉีดภูมิแพ้ในบางกรณี และการหลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดการแพ้เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันอาการที่เกิดขึ้น.

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังโรงพยาบาลรัฐ