ไขมันทรานซ์ (Trans Fat) เป็นชนิดหนึ่งของไขมันที่พบได้ในอาหารหลายประเภทและถือเป็นไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพมากที่สุด ไขมันทรานซ์เกิดขึ้นได้จากสองวิธีหลักคือ:
- ไขมันทรานซ์ธรรมชาติ: พบได้ในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นม สัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่น วัวและแกะ ผลิตไขมันทรานซ์ในกระเพาะอาหารตามธรรมชาติในระหว่างการย่อยอาหาร แม้ว่าไขมันทรานซ์ธรรมชาติเหล่านี้จะมีปริมาณน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับไขมันทรานซ์สังเคราะห์ แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงต่อสุขภาพในบางกรณี
- ไขมันทรานซ์สังเคราะห์: เป็นไขมันทรานซ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยการเติมไฮโดรเจนลงในน้ำมันพืชในกระบวนการที่เรียกว่าไฮโดรจีเนชันบางส่วน (Partial Hydrogenation) กระบวนการนี้ทำให้น้ำมันที่เป็นของเหลวกลายเป็นของแข็งที่อุณหภูมิห้องและเพิ่มอายุการเก็บรักษาของอาหารที่มีส่วนผสมของมัน นี่คือประเภทของไขมันทรานซ์ที่เป็นปัญหาสุขภาพหลักและพบในอาหารแปรรูปหลายชนิด เช่น ขนมอบ คุกกี้ เค้ก แครกเกอร์ มาร์การีน เนยเทียม และอาหารทอด
ผลกระทบต่อสุขภาพ
ไขมันทรานซ์ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดเนื่องจากมีผลต่อระดับไขมันในเลือดโดยตรง เมื่อเราบริโภคไขมันทรานซ์ มันจะเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดและเส้นเลือดอุดตันมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่พบว่าไขมันทรานซ์อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และมีผลต่อการเกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของหลายโรคเรื้อรัง
ข้อกฎหมายและการควบคุม
ในหลายประเทศมีการควบคุมและห้ามใช้ไขมันทรานซ์ในอาหารแปรรูปแล้ว เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพที่ร้ายแรง องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เรียกร้องให้ทั่วโลกยกเลิกการใช้ไขมันทรานซ์ในอุตสาหกรรมอาหารภายในปี 2023 การห้ามใช้ไขมันทรานซ์ในบางประเทศ เช่น เดนมาร์ก ทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีในการลดอัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
ในประเทศไทย คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกกฎหมายห้ามใช้ไขมันทรานซ์ในอาหารแปรรูปตั้งแต่ปี 2019 โดยห้ามผลิต นำเข้า และจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่มีไขมันทรานซ์สังเคราะห์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของประชาชนจากการบริโภคไขมันทรานซ์ในอาหารแปรรูป
แนวทางการลดการบริโภคไขมันทรานซ์
ผู้บริโภคควรใส่ใจใน สุขภาพหู การอ่านฉลากอาหารเพื่อหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันทรานซ์ โดยคำว่า “partially hydrogenated oils” บนฉลากอาหารมักเป็นตัวบ่งชี้ว่าอาหารนั้นมีไขมันทรานซ์ นอกจากนี้ การเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยน้ำมันพืชธรรมชาติที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการไฮโดรจีเนชัน เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน หรือน้ำมันรำข้าว ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ
การบริโภคอาหารสดใหม่ ผักผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และการปรุงอาหารที่บ้านเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดการบริโภคไขมันทรานซ์ และยังช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาว
ไขมันทรานซ์เป็นไขมันที่อันตรายต่อสุขภาพ และควรถูกหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งโดยเฉพาะไขมันทรานซ์สังเคราะห์ที่พบในอาหารแปรรูป การลดการบริโภคไขมันทรานซ์เป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโรคเรื้อรังอื่น ๆ การศึกษาและความเข้าใจเกี่ยวกับไขมันทรานซ์ และการเลือกบริโภคอาหารที่มีประโยชน์จึงเป็นสิ่งที่ควรทำในชีวิตประจำวันเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว